“ชานมไข่มุก” เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง เรียกได้ว่า ออกจากบ้านไปตลาดก็เจอ ไปเที่ยวที่ไหนก็เจอ บางคนเปิดร้านค้าขายแล้วรอด ในขณะที่บางคนเปิดร้านแล้วเจ๊ง ซึ่งส่วนสำคัญอยู่ที่การบริหารจัดการร้าน คุณภาพสินค้า ทำเลที่ขาย หรือแม้แต่การคิดราคาขายที่สมเหตุสมผล
แต่สำหรับใครที่สนใจเปิดร้านชานมไข่มุก วันนี้เรามีสูตรคิดต้นทุนชานมไข่มุกมาแนะนำ เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นในการบริหารธุรกิจในยุคปัจจุบัน
เริ่มจากการคำนวณต้นทุน
ต้นทุนต่อแก้ว = ราคาซื้อ X (ปริมาณที่ใช้จริงต่อแก้ว / ปริมาณน้ำหนักต่อถุง ) โดยเราจะคิดแยกวัตถุดิบออกมาทีละชนิดแล้วค่อยมาบวกรวมกันเช่น
- ต้นทุนน้ำชาสำหรับชง สมมุติขนาด 600 กรัมซองละ 170 บาท ชงได้ 15 ลิตร ใช้ 200 ซีซี ต่อแก้วแทนค่าในสมการ
ต้นทุน = 170 บาท X ( 0.2 ลิตร / 15 ลิตร ) = 2.26 บาท
- ครีมเทียม ราคา 65 ต่อกิโลกรัม ใช้ 25 กรัมต่อแก้ว
ต้นทุน = 65 บาท X ( 25 กรัม / 1000 กรัม ) = 1.6 บาท
- ไข่มุกราคา 30 บาท ต่อกิโลกรัม ใช้ 20 กรัมต่อแก้ว
ต้นทุน = 30 บาท X( 20 กรัม / 1000 กรัม ) = 0.60 บาท
4.น้ำตาลทราย 2 กิโลกรัม 48 บาท ต้มน้ำเชื่อมได้ 2200 ซีซี
ต้นทุน = 48 บาท X ( 47.5 ซีซี / 2200 ซีซี ) = 0.82 บาท
รวมต้นทุนชานมไข่มุกต่อแก้ว เท่ากับ 2.26 + 1.6 + 0.6 + 0.82 = 5.28 บาท
ต้นทุนที่เราคิดข้างต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของค่าวัตถุดิบชานมไข่มุก 1 แก้ว แต่ความเป็นจริงราคาของชานมไข่มุกยังต้องบวกเพิ่มอีกหลายอย่าง เช่น ค่าการประชาสัมพันธ์ , ค่าแพคเกจ , ค่าเช่าสถานที่ ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงทุนด้วย
ทั้งนี้ ถ้าให้สังเกตุร้านชานมไข่มุกทั่วไป เริ่มมีการพัฒนารูปแบบฉีกแนวไปจากเดิมมาก แต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน และเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน เช่น ไข่มุกตักไม่อั้น , จัดแยกไข่มุกกับชานม , ไข่มุกมีหลากหลายสีสัน , ไข่มุกหลายรสชาติ (ไข่มุกเผือก,ไข่มุกแก้ว) ซึ่งความแปลกใหม่เหล่านี้จัดเป็นจุดขายชั้นดี แต่ก็ถือว่า เป็นต้นทุนที่ต้องเอามาคิดรวมเพื่อตั้งราคาขายเช่นกัน
ท้ายนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคิดเป็นอันดับแรกคือ สูตรชานมประจำร้าน ที่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ เข้ามาผสมเพื่อให้เกิดรสชาติที่อร่อย มีความหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือก ส่วนราคาขายทั่วไปอยู่ที่ 25-30 บาทขั้นต่ำ ถึงอย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้ยังมีความน่าสนใจอยู่มาก หากคุณต้องการเปิดธุรกิจประเภทนี้ ต้องหาจุดขายให้เจอ โดยเฉพาะเรื่องการตลาดที่ต้องเน้นให้ลูกค้ารู้จักเรามากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดต่อเนื่อง